How to ในการนำแนวคิด Work Life Integrationมาปรับใช้กับองค์กรกับรูปแบบการทำงานแบบใหม่ในยุคปัจจุบัน

เราจะนำแนวคิด Work Life Integrationมาปรับใช้กับองค์กรกับรูปแบบการทำงานแบบใหม่ในยุคปัจจุบันได้อย่างไร

คัดลอก URL เรียบร้อยแล้ว!

4 คำตอบ

  • ดร.พลกฤต  โสลาพากุล
    ดร.พลกฤต โสลาพากุล
    20 ธันวาคม 2021 22:02 น.
    Workation ตอนนี้กำลังเป็นเทรนด์รูปแบบใหม่ในการทำงาน สำหรับส่วนออฟฟิศสามารถใช้นโยบายนี้ได้กับบาง และสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้การทำงานได้ ความยิดหยุ่น เพราะการทำงานเต็มเวลาไม่ได้ตอบว่ามีประสิทธิภาพ
    0

    คัดลอก URL เรียบร้อยแล้ว!

    ขอบคุณสำหรับข้อมูล
  • Poonsawat Keawkaitsakul
    Poonsawat Keawkaitsakul
    20 ธันวาคม 2021 00:41 น.
    Work Life Integration คือการบูรณาการ การทำงานกับการใช้ชีวิต โดยเน้นที่การแบ่งเวลาให้เหมาะสมระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิต หรือ การผสมผสานกันะหว่างงานและการใช้ชีวิต คือ ทำอย่างไรให้ชีวิตไม่พัง และ งานไม่เสีย โดยปัจจุบันเป็นยุค It เราสมควร ใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการทำงาน เช่น Work life Balance, Workation หรือ Work from everywhere เป็นต้น โดยพนังงานสามารถทำงานจากที่ไหน เมื่อไรก็ได้ แต่การทำงานแบบนี้ต้องมีการกำหนดขอบเขต ข้อบังคับ และการวัดประเมินผลการทำงานที่ชัดเจนและวัดได้
    0

    คัดลอก URL เรียบร้อยแล้ว!

    ขอบคุณสำหรับข้อมูล
  • ขอแชร์ค่ะ จริง ๆ แล้วเรื่อง Work Life Integration ก็ได้ใช้มานานพอสมควร ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา และในยุค Next Normal เชื่อว่าหลายองค์กรก็นำ  Work Life Integration เข้ามาใช้ ต้องยอมรับวิถีการใช้ชีวิตในปัจจุบัน ประกอบกับ Technology Trend ซึ่งเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลกใบนี้ก็ทำงานได้ เรื่องการทำงานกับชีวิตส่วนตัวสามารถบูรณาการให้เกิดประโยชน์ได้ สิ่งที่องค์กรจะนำมาใช้ ขอให้พิจารณา
    1. Flexible Hours คือ ชั่วโมงการทำงานแบบยืดหยุ่น 
    2. Performance must be clear คือ ประสิทธิภาพงาน ผลงานต้องชัดเจน 
    3. Employee Responsibilities & Discipline คือ ความรับผิดชอบและวินัยพนักงานต้องดีมาก ๆ
     
    0

    คัดลอก URL เรียบร้อยแล้ว!

    ขอบคุณสำหรับข้อมูล
  • นับตั้งแต่การเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19   องค์กรต่างๆ ต้องหันมาปรับตัวและให้ความสนใจกับ Work Life Integration มากขึ้นนะคะ ความจริงแล้ว Work Life Integration ไม่ใช่ Concept ใหม่ สำหรับธุรกิจเลยค่ะ ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จสูง ในต่างประเทศ เช่น Zappos.com ซึ่งได้ถูก Amazon.com เข้าซื้อกิจการหลายปีก่อนเกิดโควิด ด้วยมูลค่าสูงถึง 1,200 ล้านเหรียญ. ก็ประสบความสำเร็จ จากการบริหารงาน แบบ. Work Life Integration ในองค์กร   คือ การทำให้ชีวิต และการทำงาน ได้อยู่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน อย่างมีความสุขและเติมเต็มกันและกัน  ดังจะสามารถอ่านได้จากหนังสือ  Delivering Happiness ของ โทนี่ เช ที่เขียนมาหลายปีก่อน

    หลักการที่ทำให้ Work Life Integration เริ่มต้นที่ การสร้าง Culture หรือ วัฒนธรรม องค์กรที่สอดคล้องและเอื้อในการทำงานแบบ Work Life Integration 

    1) การสร้าง Vision และ Mission ในการที่จะขับเคลื่อนองค์กรไปที่เป้าหมายที่ชัดเจน และสื่อสารสิ่งนี้ให้ชัดกับพนักงานทุกคน  เช่น โทนี่ เช ในตอนที่เริ่มสร้างวัฒนธรรมองค์กรนี้ ธุรกิจ Zappos กำลังประสบภาวะวิกฤตหนักมาก เหลือเงินก้อนสุดท้ายในการ Run ธุรกิจ  ​โทนี่ เช ตัดสินใจเรียกพนักงานมา ประชุม และคุยเรื่องภาวะวิกฤตนี้ และ ต้องปรับเปลี่ยน

    เขาได้ออกนโยบาย Work Life Integration และ มีข้อสรุปว่า ต่อจากนี้ ด้วยเงินก้อนสุดท้าย บริษัทจะดำเนินการอย่างไร เช่น ย้ายออฟฟิสไปที่ราคาถูกลง. มีการลดเงินเดือน. และ จะทำงานกัน ให้บริการลูกค้าเพื่อ Wow Services อย่างไร  และใครที่พร้อมจะสู้ต่อไปกับบริษัท. ใครจะไป ก็ขอบคุณ ที่พากันมาถึงจุดนี้     สุดท้ายเขาได้คนทีมนึงอยู่ต่อ พร้อมที่จะทำงานใน Culture ใหม่ และปรับรูปแบบการทำงานด้วย Culture ใหม่ มีบทบาทหน้าที่ใหม่  Procedure ใหม่  How to ชัดเจน และมีการพูดคุยหารือกัน ตลอดเวลา แม้แต่การจัดออฟฟิส

    2) เมื่อคัดสรรพนักงานมา. หลายๆตำแหน่ง เขายอมรอหลายๆปี ถ้ายังไม่เจอคนที่ใช่. ต้องคัดสรรคนที่ "ใช่ " และ ฟิตกับวัฒนธรรมองค์กร  ผ่าน Process การสัมภาษณ์ และ การ ประเมินงาน.  พนักงานทุกคน ไม่ว่า จะมาเป็น CEO. หรือ ใหญ่แค่ไหน ตอนเริ่มต้น ต้องไปแพ็ครองเท้า. เป็นพนักงาน และรับคำสั่งจากทีม แพ็ครองเท้า   เมื่อผ่าน ต้องไปเป็นพนักงานรับโทรศัพท์ จนกว่าจะผ่านการประเมินจากทีม และเพื่อให้เรียนรู้ งาน Core ของธุรกิจ   และให้ทีมงานได้ประเมินเรื่อง Mindset และ ทัศนคติ. นิสัยการทำงานต่างๆ  ว่า สามารถและมีความสุขในวัฒนธรรมองค์กรแบบนี้ และ ทำงานร่วมกับคนอื่นได้ เป็นทีม

    3) มีความยืดหยุ่นในการทำงาน ในหน้าที่ต่างๆ. หรือ การแสดงความคิดเห็น การรับความคิดเห็น ทั้งจากทีม และลูกค้า พร้อมปรับเปลี่ยนตลอดเวลา เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง

    4) การดูแลให้พนักงาน มีความสุข สนุกสนานในการทำงาน ยืดหยุ่นในเรื่องผลตอบแทน ที่เหมาะสมกับเค้า อาจจะมีหลายแพ็กเกจให้เลือก หรือ แม้แต่สถานที่ทำงาน ก็มีการเฮฮา ปาร์ตี้  Surprise. สร้างสังคมแบบ Peer Group ที่ ทุกคนสามารถร่วมแรงร่วมใจ  Wow ได้ตลอด   

    5) มีการวัดผลลัพธ์ที่ชัดเจน และสอดคล้องกับวัฒนธรรมองค์กร เช่น มีการวัดผลเรื่องการสร้างความ Wow หรือ ความประทับใจให้ลูกค้า เมื่อ ปี 2018 (ถ้าจำไม่ผิด). มีการให้รางวัล พนักงาน ที่รับโทรศัพท์ ดีเด่น  คือ วัดจากการที่คุยกับลูกค้า "นานที่สุด"   ผู้ที่ได้รับรางวัลในตอนนั้น คือ พนักงานท่านหนึ่ง ที่คุยกับลูกค้า รายเดียวถึง 12 ชม.   เพราะลูกค้า มีประสบเคราะห์กรรม สามีเสียชีวิตกระทันหัน. และพนักงาน ได้อยู่รับฟัง และให้กำลังใจลูกค้าที่ไม่รู้จัก จนกระทั่งลูกค้าประทับใจมาก

    จากเรื่องราวของ Zappos เป็นเรื่องราวที่ประทับใจมากค่ะ และอยากนำมาเล่าในที่นี้ ซึ่งเชื่อว่า ในองค์กร สามารถทำได้ในสภาวะเช่นนี้ค่ะ. ลองเปิดใจ พูดคุยถึงสิ่งที่องค์กรและผู้บริหารประสบในการนำพาองค์กรฝ่าวิกฤต.  แล้วลองหารือพนักงานดูว่า ในสภาวะเช่นนี้ มีอะไรที่พนักงาน แต่ละคนต้องการ ที่จะช่วยเป็นกำลังใจหรือสนับสนุนได้. ลองปรับ Package Benefit ต่างๆ ให้สอดคล้องกับปัญหาของเค้า และ ขอความเห็น ความร่วมมือ ปรับวิธีการทำงาน ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของลูกค้าและสิงแวดล้อม  ธุรกิจ อาจจะเจอ S Curve ใหม่ เหมือน Zappos ที่ เปลี่ยนตนเอง เป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เป็น Unicorn Business ได้ค่ะ


    Credit : https://www.amazon.com/dp/0446576220/?tag=sounexecbooks-20

    https://brandinside.asia/4-things-work-life-integration/

    https://www.uschamber.com/co/grow/thrive/work-life-integration-vs-work-life-balance

    https://www.atlassian.com/blog/productivity/work-life-integration


    รัตนา ธนสารกิจ
    Master Trainer and Business Coach for Mega Trend Leaders





    0

    คัดลอก URL เรียบร้อยแล้ว!

    ขอบคุณสำหรับข้อมูล

อันดับผู้ให้ข้อมูล