ขอสอบถามเรื่องประสิทธิภาพในการเปิดรับสมัครพนักงานในแต่ละช่องทางหน่อยค่ะ

swankybalk
swankybalk
15 มีนาคม 2021 15:25 น.
อยากรู้ว่าเมื่อเปรียบเทียบช่องทางในการเปิดรับสมัครต่างๆ ช่องทางไหนมีคนสมัครมากที่สุด มีข้อดีข้อเสียอย่างไร เหมาะกับการหาคนประเภทไหนบ้าง

คัดลอก URL เรียบร้อยแล้ว!

2 คำตอบ

  • Sourcedout (Freelance Recruiter Platform)
    Sourcedout (Freelance Recruiter Platform)
    31 มีนาคม 2021 16:11 น.
    จริงๆ ถ้าเรารู้ Business หรือสายงานที่กำลังมองหาก่อน อาจจะตอบได้ชัดเจนกว่านี้ แต่ผมอาจจะขอตอบกว้างๆแล้วกันนะครับ 
    ก่อนที่เราจะประกาศงานลงซักที่ เราอาจจะต้องเข้าใจคาแรกเตอร์หรือฐานแคนดิเดตของในแต่ละช่องทางก่อนครับว่าเค้ามีฐานแคนดิเดตในกลุ่ม Business ไหนหรือว่าตำแหน่งของแคนดิเดตในกลุ่มสายงานไหนเยอะ 
    .
    ข้อมูลพวกนี้จริงๆเราสามารถขอจากเว็บนั้นๆ ที่เราใช้ประกาศงานได้นะครับ เค้ายินดีให้ข้อมูลพวกนี้กับเราอยู่แล้ว เอาล่ะ กลับมาที่คำถามเราว่าควรจะโพสลงที่ไหน ผมอยากจะแนะนำให้คุณตอบคำถาม 4 ข้อนี้ออกมาก่อนครับ 
    .
    1. ตำแหน่งที่กำลังมองหาเป็นตำแหน่งด้านไหน 
    2. เลเวลไหน 
    3. ต้องการระดับภาษาระดับไหน 
    4. มีข้อจำกัดเรื่องคุณสมบัติในการมองหาตำแหน่งนั้นมากแค่ไหน
    .
    ถ้างานที่เราประกาศรับสมัครในบริษัทเป็นงานทั่วไป หมายถึงตำแหน่งงานที่ทุกออฟฟิศหรือโรงงานจำเป็นต้องมี อย่างกลุ่ม back office, sales, accounting, HR, IT กลุ่มนี้ผมอยากแนะนำให้ใช้เว็บประกาศงานที่มีฐานแคนดิเดตปริมาณเยอะๆอย่าง JobsDB (2M+)  หรือ Job Thai (1.7M+) ส่วนการหางานที่อาจจะมีคุณสมบัติเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ก็ควรจะมีการซื้อ Coin สำหรับซื้อ profile ในเว็บกลุ่มนี้ไว้บ้างเพื่อจะเอาไว้หาตำแหน่งเฉพาะเจาะจงมากขึ้น
    .
    ซึ่งถ้าเราประกาศงานที่เป็นสายงานทั่วไป เว็บที่มีฐานผู้สมัครเยอะๆ อย่าง 2 เว็บนี้ก็จะมีฐานในกลุ่มนี้เยอะ ประกาศงานก็จะมีผู้สมัครในแต่ละตำแหน่งเยอะ เราก็ต้องมาคัดกรองอีกที 
    .
    ถ้าเป็น Engineer ผมจะชอบประกาศลง JobsDB หรือ JobThai เพราะเค้ามีฐานแคนดิเดตในกลุ่มนี้เยอะและหาง่ายดี ถ้างานในบริษัทเราอาจจะไม่ค่อยเน้นการใช้ภาษาอังกฤษเท่าไหร่ JobThai หรือ JobBKK ก็จะราคาถูกลงมา ส่วนถ้าเราต้องการหาคนต่างชาติหรืองานในกลุ่ม Top Management, IT หรือกลุ่ม Specialist ด้านต่างๆ LinkedIn ก็เป็นอีก source เหมาะในการหาแคนดิเดตในกลุ่มนี้ครับ แต่ค่าลงโฆษณาประกาศงานของ LinkedIn ก็จะราคาค่อนข้างสูงพอสมควร เทียบกับปริมาณคนที่สมัครเข้ามา 
    .
    การลงประกาศแต่ละงานควรเขียน Must requirement ให้ชัดเจน จะคนที่สมัครตรงคุณสมบัติเข้ามาเลย ไม่เสียค่า Advertise โดยเปล่าประโยชน์นะครับ งานที่เราเปิดกว้างคุณสมบัติ เราสามารถใช้ Social Media อย่าง Facebook Group ต่างๆ ลงประกาศงานได้ ก็จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย งานเฉพาะทางด้านต่างๆ อย่าง Architect, Art, IT, Digital Marketing, Photograph, Video แนะนำให้เราหา Community ที่คนกลุ่มที่เรามองหาอยู่ อย่างบน Social Media หรือเว็บไซต์ต่างๆ ก็จะมี Community ที่คนกลุ่มนี้เล่นแล้วเห็นโฆษณาเราได้บ่อยๆ หรือช่วงปีนี้คนมองหางานกันเยอะ ผมแนะนำสร้างกลุ่ม Facebook และ Line สำหรับรวบรวมกลุ่มคนทำงานในสายงานนั้นๆไว้เลยครับ แต่จะดึงดูดให้เค้าเข้ามา join กลุ่มได้ก็ต้องมองว่าเค้าได้ประโยชน์อะไรจากกลุ่มนั้นบ้าง อย่างเช่นมีงานให้เลือกหลากหลาย มี content ในสายงานนั้นๆ มาอัพเดทให้เกิดประโยชน์ แล้ว community จะเกิดขึ้นเองครับ 
    .
    งานที่ต้องทดแทนคนแบบเร่งด่วนหรือเราพยายามหาจากหลายๆ Source แล้วยังไม่ได้คนที่ตรงใจซักที่ ก็หา Partner ในกลุ่มบริษัทจัดหางานไว้ด้วย ราคาอาจจะสูงกว่าการประกาศงานทั่วๆ ไป แต่เค้าจะเน้นการติดต่อเข้าหาคนที่ตรงคุณสมบัติเลย ทำให้มีโอกาสได้คนทดแทนได้ไว และได้คนที่ตรงจริงๆ เราสามารถใช้ควบคู่ไปกับการประกาศงานได้เลยครับ เพราะเราไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายก่อน จนกว่าจะได้คนที่ถูกใจ
    0

    คัดลอก URL เรียบร้อยแล้ว!

    ขอบคุณสำหรับข้อมูล
  • Rangsri Kowiwattanakan
    Rangsri Kowiwattanakan
    15 มีนาคม 2021 15:58 น.
    แต่ละชิ่งทางมีประสิทธิภาพแตกต่างกันขึ้นอยู่กับลักษณะตำแหน่งงาน เช่น

    1.        ลักษณะงานคลังสินค้า ช่องทางที่เหมาะสมอาจจะเป็นป้ายโฆษณาหน้าคลังสินค้า ติดตามรถขนส่งในพื้นที่เสียงตามสาย วิทยุชุมชน ใบปลิว น่าจะเหมาะสมเพราะต้องการคนในพื้นที่ 

    2.        ลักษณะงานที่เน้นผู้สมัครจบใหม่ part-Time อาจจะเป็น Job Board ต่างๆเช่น JobsDB jobtopgun Jobbkk, etc หรือ ฝ่ายกิจการนักศึกษา Board กิจกรรมในมหาวิทยาลัย หรือ Career Page ของบริษัทก็น่าจะพอได้เพราะยังไม่ได้เน้นเรื่องประสบการณ์ตรงมากนัก ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการเลือกน้องที่มีมีแวว

    3.        ลักษณะงานที่เน้นผู้สมัครที่มีความเชี่ยวชาญหรือชำนาญพิเศษซึ่งมีอยู่น้อยในตลาด ช่องทางที่เหมาะสมคงต้องเป็นการแนะนำจากคนที่ทำงานอยู่ในปัจจุบันของเรา หรือ อาจจะเป็น Freelance ทั้งจากในประเทศหรือต่างประเทศ เช่น https://www.freelancebay.com/ หรือ https://fastwork.co/  โดยเราจะเห็นงานเหล่านี้เช่น ลักษณะงานที่ใหม่มากๆ พวกสาย Technology ที่ลักษณะทักษะใหม่ๆเกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนการพัฒนาบุคคลากรไม่สามารถตามทันได้ และอีกอย่างคือเก่ามากๆ เช่นเครื่องจักรหรือเครื่องมือต่างๆที่ในบางหน่วยงานหรือองค์กรยังคงใช้อยู่ แต่ด้วยความจำเป็นของทางบริษัทยังต้องมี เลยมีความจำเป็นต้องหาคนกลุ่มนี้

    4.        ลักษณะงานที่ใช้ภาษา ประสบการณ์ การจัดการ ช่องทางที่เหมาะสมจะเป็นบริษัทจัดหางาน (Head Hunter) หรือ LinkedIn เพราะ 2 ช่องทางนี้จะได้ผู้สมัครที่มีทักษะสูง ภาษาได้ ประสบการณ์มากและหลายหลายอาจจะอยู่ในไทยหรือต่างประเทศ หากใช้ LinkedIn สิ่งที่จำเป็นต้องรู้คือจะมีผู้สมัครทั้งคนไทยและต่างชาติสมัครมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้ทางบริษัทจำเป็นต้องใช้เวลาในการคัดเลือกนานขึ้น แต่ก็มีผู้สมัครให้เลือกเป็นจำนวนมาก หากใช้ Head Hunter จะได้จำนวนที่ที่น้อยกว่าแต่ค่อนข้างตรงเพราะเขาเลือกให้เราแล้ว แต่จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงพอสมควร จึงแนะนำให้ใช้ในตำแหน่งที่จำเป็นและยากจริงๆ โดย Head Hunter แต่ละบริษัทก็มีความถนัดและผู้สมัครที่แตกต่างกัน บางบริษัทเน้น candidate ในตำแหน่งที่เกี่ยวกับ Technology บางบริษัท เน้นภาษาเช่น ภาษาญี่ปุ่น
    สรุป ช่องทางรับสมัครควรดูจากลักษณะงานแล้วเลือกช่องทางที่คิดว่าน่าจะมีผู้สมัคร แต่ ต้องประเมินดีๆระหว่างปริมาณกับคุณภาพ VS ราคากับเวลา 


    0

    คัดลอก URL เรียบร้อยแล้ว!

    ขอบคุณสำหรับข้อมูล

อันดับผู้ให้ข้อมูล